วันพฤหัสบดีที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2555

ยิ่งนอนดึก ยิ่งเร่งวันตาย

ยิ่งนอนดึก ยิ่งเร่งวันตาย
 การนอนดึกเป็นเหตุให้อายุสั้นเท่ากับเร่งวันตายให้ตัวเอง
การทำงานดึกทำให้ร่างกายล้าเหมือนกับเครื่องยนต์ Overload ไม่ช้าเครื่องก็พัง
ผู้ที่มีหน้าที่บริหารงานมักจะพบปัญหานี้กันมาก เพราะต้องเร่งงาน
ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับคนนอนดึก
             1.  ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ เกิดอาการล้า
             2.  ระบบร่างกายจะรวน ดังนี้


ระบบการย่อยอาหาร
ท้องอืดท้องเฟ้อง่าย อาหารย่อยไม่ดี ทำให้อุจจาระหยาบ คืออาหารที่ทานเข้าไปถ้าไม่นอนดึกอุจจาระจะสวย ไม่มีเศษอาหารติดอยู่ เหมือนกับแท่งทองแต่ถ้าอดนอนแล้วอุจจาระจะหยาบ จะมีเศษอะไรต่างๆ ติดอยู่ เหมือนกับรถที่มีเขม่าติดเกิดจากการที่ร่างกายย่อยไม่หมด เพราะล้า

แนวทางแก้ไขให้ลดอาหารประเภทเนื้อสัตว์ อาหารเหนียวๆ มิฉะนั้นลำไส้ทำงานหนักยิ่งนอนดึกแม้เราหลับไปแล้ว แต่ลำไส้ไม่หลับ ยังคงย่อยอยู่ต่อไปพอตื่นขึ้นมาก็เพลีย ให้ทานไข่ นม แทนพวกเนื้อสัตว์ ก็จะพอถูไถไปได้มิฉะนั้นท้องจะผูกเป็นประจำ ริดสีดวงทวารจะถามหา (ถ้าหากอ้วนก็ให้ทานนมแทนไข่)

ท้องผูกมี 2 ลักษณะ
1.  ผูกแข็ง คือ อุจจาระแข็ง
2. ผูกเหลว คือ อาการถ่ายอุจจาระไม่หมด ยังค้างอยู่ แต่ลำไส้ล้า กระเพาะอาหารล้าทำให้ไม่มีแรงบีบให้ออกจนหมด ดังนั้นในวันหนึ่งๆ จึงต้องถ่ายหลายครั้งโรคที่จะตามมาก็คือ ผื่นคันบริเวณขาหนีบ (ไม่ใช่เพราะความสกปรกหมักหมม) จะคันทั้งวัน    
ปกติอุจจาระจะกึ่งแข็งกึ่งเหลว
ถ้าแข็งแสดงว่าส่วนที่เป็นน้ำได้ซึมกลับเข้ามาในลำไส้ซึ่งมันเป็นของเสียที่ต้องขับออก ผลก็คือทำให้น้ำเหลืองเสีย ก็จะมาประทุบริเวณ
เนื้ออ่อนๆเช่นที่ขาหนีบ สาเหตุก็มาจากท้องผูกนั่นเอง เพราะฉะนั้น อย่านอนดึก
ถ้าต้องดึกก็ให้ออกกำลังหน้าท้อง ให้ท้องเกิดกำลังจะได้รีดอุจจาระออกมาได้เร็ว

ทานเสร็จแล้วอย่านอน ให้เดินสักครึ่งชั่วโมงเพราะพอขาได้เดิน ลำไส้มันก็ต้องไปกับขาด้วย จะช่วยทำให้ย่อยได้ดีขึ้นท้องจะผูกน้อยลง ผื่นคันก็จะหาย ถ้ายังไม่หาย (เนื่องจากอายุมาก)ให้ทานน้ำขิงสด (ไม่ใช่ขิงผงเป็นซองๆ) พวกที่นอนดึกต้องให้ท้องอุ่นมากๆให้หาผ้ามาห่ม เดี๋ยวท้องจะอืด เฟ้อ บางทีต้องให้เท้าอุ่นด้วย ให้หาถุงเท้ามาใส่มิฉะนั้นเท้าจะชา

ระบบปัสสาวะ
ถ้านอนไม่ดึกประมาณ 3-4 ทุ่ม พอตื่นเช้าขึ้นมาจะปัสสาวะครั้งเดียวจบ แต่ถ้านอนดึก ยิ่งนอนตีหนึ่งกลางดึกจะต้องลุกเข้าห้องน้ำถี่ เพราะร่างกาย Overload ต้องการน้ำมากกล้ามเนื้อข้างในจะบีบคั้นเอาพลังงานออกมาใช้ จึงต้องใช้น้ำมาก ผลก็คือปัสสาวะบ่อยทำให้พวกเกลือแร่ที่อยู่ในร่างกายจะถูกขับออกมาพร้อมกับปัสสาวะด้วย ยิ่งอายุ 35ขึ้นไปจะยิ่งแย่

 แนวทางแก้ไขให้ทานแคลเซียมเม็ดได้ แต่อย่ามาก แค่ 1 เม็ดก็พอ ถ้าทานมากจะทำให้แคลเซี่ยมพอกคืออาการที่กระดูกงอกทับเส้นประสาท (ถ้าเป็นแล้วต้องให้คนนวดและทานยาละลายแคลเซี่ยมช่วย) ถ้าไม่ทานแคลเซี่ยมชดเชยจะทำให้เลือดจาง เม็ดโลหิตจาง

 สรุปแล้วการอดนอนเท่ากับเร่งวันตายให้ตัวเอง
 การนอนดึกต้องดื่มน้ำให้มากและเติมเกลือในน้ำด้วย คือพอเราดื่มแล้วมันออกมาหมดทั้งทางปัสสาวะและเหงื่อเราทานเกลือมากๆ ยังออกทางเหงื่อได้ แต่ถ้าทานแคลเซี่ยมมากทำให้กระดูกงอก  ส่วนโค้กเป๊ปซี่ กระทิงแดง อย่าทาน พอเราอยู่ดึกและกลั้นปัสสาวะ มันจะซึมกลับเข้าเส้นเลือดทำให้น้ำเหลืองเสีย ก็จะไปประทุที่ขาหนีบ หรือท้องแขนเป็นเม็ดแดงๆเป็นจ้ำขึ้นทั่วเลย บางคนไม่กลั้น แต่ดื่มน้ำน้อยอาการก็จะเหมือนกับการโม่แป้งฝืดๆ ลำไส้บีบตัวไม่ไหว ต้องเค้น ก็จะเพลีย แต่ถ้าดื่มน้ำมากทำให้ถ่ายสบาย  ถ้าดื่มน้ำน้อยจะทำให้กรดยูเรียเข้มข้นพอเรากลั้นปัสสาวะมันก็จะซึมเข้าเส้นเลือด ทำให้น้ำเหลืองเสีย ถ้ากลั้นบ่อยๆจะทำให้ปัสสาวะไม่หมด

 ระบบเหงื่อ
คนที่ไม่มีเหงื่อออกจะแย่ ถ้าขับเหงื่อให้ออกได้ร่างกายสบายถ้าเหงื่อไม่ออกความร้อนภายในร่างกายจะระบายไม่ได้ ทำให้อึดอัดของเสียในร่างกายก็ออกไม่ได้ โรคผิวหนังจะถามหา สิวฝ้าจะขึ้น  เพราะฉะนั้นดื่มน้ำให้มากพอและออกกำลังกาย เท่านั้นพอ เอาจนเหงื่อออกให้ได้  คนนอนดึกเหงื่อจะไม่ค่อยออกของเสียตกใน สิวฝ้าขึ้น มันก็จะไปออกทางปัสสาวะแทน ไตเลยทำงานหนัก

ระบบหายใจ
ระบบหายใจจะเสียตามมาร่างกายจะเอาออกซิเจนไปแลกเลือดดำให้เป็นเลือดแดงได้ต้องมีความชื้นถ้าความชื้นน้อยมันจะไม่แลก ทำให้อึดอัด เหมือนอยู่ห้องแอร์แล้วอึดอัดเพราะความชื้นไม่พอ ไม่ใช่อากาศไม่พอ อากาศมันแห้งเลยเอาความชื้นในตัวเราไปทำให้ปอดทำงานไม่สะดวก และออกซิเจนไม่ได้
 แนวทางแก้ไขให้เอาน้ำใส่กะละมังไว้ข้างตัว ยิ่งเป็นน้ำร้อนยิ่งดี   ถ้าอึดอัดให้เอาผ้าหนุนเท้าให้สูง เลือดก็จะไหลลงมาได้ จะทำให้นอนสบาย

การดื่มน้ำหวานๆตอนอยู่ดึกๆ ก็ช่วยได้ แต่อย่าหวานมากจะทำให้อ้วน ถ้าจะให้ดีที่สุดอย่าอยู่ดึกดึกได้เป็นครั้งคราวถ้าจำเป็น คนนอนดึกเสียงจะแห้ง เพราะไตมันล้า  การใช้สบู่ให้ใช้สบู่เด็ก เพราะเป็นสบู่อ่อน การกัดจะน้อย อย่าใช้สบู่แรงๆให้ฟอกสบู่วันละครั้งก็พอ

ที่มา: forwardmail

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น